EXIM BANK ชี้การส่งออกไทยไตรมาส 3 ปี 2568 มีสัญญาณชะลอตัว
EXIM BANK ชี้การส่งออกไทยไตรมาส 3 ปี 2568 มีสัญญาณชะลอตัว
หมวดหมู่: NEWS UPDATE
EXIM BANK ชี้การส่งออกไทยไตรมาส 3 ปี 2568 มีสัญญาณชะลอตัว ท่ามกลางสงครามการค้าที่มี ความไม่แน่นอนสูง
โดย ฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้ าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

ดัชนีชี้นำการส่งออกของไทยในช่ วง 3 เดือนข้างหน้าหรือ EXIM Index ล่าสุด ณ ไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 100.5 ลดลงจากระดับ 102.5 ในไตรมาส 1 และถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส สะท้อนการส่งออกไทยไตรมาส 3 ปี 2568 มีแนวโน้มชะลอลงอย่างมีนัยสำคั ญจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษี ของทรัมป์ ภาคการผลิตไทยที่ยังซบเซา ราคาส่งออกและความเชื่อมั่นผู้ บริโภคทั่วโลกที่ลดลง ทั้งนี้ ต้องติดตามคำตัดสินของศาลการค้ าระหว่างประเทศและศาลอุทธรณ์ ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการภาษี ขณะเดียวกันต้องติดตามความคื บหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่ างไทยกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงภาษี ในอัตราที่ไม่สูงไปกว่าคู่แข่ง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้ าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) คาดว่า การส่งออกไทยปี 2568 จะยังขยายตัวได้ที่ 0.5-1.5%
EXIM BANK เปิดเผยว่า แม้ล่าสุดสงครามการค้าจะเริ่มมี สัญญาณดีขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนมีการเจรจาพักรบกันชั่ วคราว โดยต่างฝ่ายต่างปรับลดภาษีนำเข้ าสินค้าลงฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน (สหรัฐฯ เก็บภาษีจีนเหลือ 30% และจีนเก็บภาษีสหรัฐฯ เหลือ 10%) อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวยังมีความไม่ แน่นอนสูง และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ ตลอดเวลา ส่งผลให้ Downside Risks ยังคงปกคลุมการส่ งออกของไทยตลอดช่วงครึ่งหลั งของปี 2568 สะท้อนได้จากดัชนีชี้นำการส่ งออกของไทย (EXIM Index) ล่าสุด ณ ไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 100.5 ต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส จากปัจจัยกดดันใน 4 มิติ ดังนี้
มิติที่ 1 : เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคั ญเริ่มชะลอลง (ดัชนีด้านอุปสงค์อยู่ที่ 100.7 ต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส)
กิจกรรมทางเศรษฐกิ จของหลายประเทศส่งสัญญาณชะลอลง โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งหลั กของสงครามการค้าครั้งนี้ และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 และ 2 ของไทย (สัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของมูลค่าส่งออกรวม) สะท้อนได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ณ เดือนเมษายน 2568 ของทั้งสองประเทศปรับลดลงมาอยู่ ในโซนหดตัวพร้อมกันครั้ งแรกในรอบ 7 เดือน ประกอบกับหากพิจารณา GDP ไตรมาส 1 (q-o-q) ของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาหดตัวครั้ งแรกในรอบ 12 ไตรมาสที่ 0.2% นอกจากนี้ การส่งออกของหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงไทยไปสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นแบบ Front-Load ในไตรมาส 1 ปี 2568 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2 หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีในอั ตราสูงสุดกับประเทศส่วนใหญ่ และจีนออกไป 90 วัน สิ้นสุด ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 และ 12 สิงหาคม 2568 ตามลำดับ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า หลังช่วงเวลาดังกล่าวคำสั่งซื้ อจะชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญในช่ วงครึ่งหลังของปี หลังจากที่มีการเร่งนำเข้าในช่ วงก่อนหน้าไปแล้ว
มิติที่ 2 : ภาคการผลิตไทยยังไม่กระเตื้อง (ดัชนีด้านอุปทานอยู่ที่ 99.4 ต่ำสุดในรอบ 2 ไตรมาส)
เมื่อพิจารณาด้านอุปทานยังมี ความน่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการผลิ ตของไทยที่ยังคงซบเซาต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ณ เดือนมีนาคม 2568 ยังหดตัว 5 เดือนติดต่อกัน เช่นเดียวกับอัตราการใช้กำลั งการผลิตที่อยู่ต่ำกว่า 60% เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่ นทางธุรกิจด้านภาวะส่งออกใน 3 เดือนข้างหน้าก็หดตัวครั้ งแรกในรอบ 6 เดือน จากความกังวลเรื่องภาษีของทรั มป์ ประกอบกับหลายอุ ตสาหกรรมของไทยยังเผชิญกั บการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสิ นค้าจีนที่เข้ามาตี ตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสร้างแรงกดดันทั้ งทางตรงและทางอ้อมต่อภาคการผลิ ตและการส่งออกของผู้ ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกไทยอาจเผชิญกับต้นทุ นโลจิสติกส์ที่เร่งตัวขึ้ นระยะสั้น หลังค่าระวางเรือทั่วโลก โดยเฉพาะเส้นทางจากจีนไปสหรัฐฯ ขยับขึ้นตั้งแต่กลางเดื อนพฤษภาคม 2568 จากความต้องการตู้คอนเทนเนอร์ที่ เพิ่มขึ้น สะท้อนได้จากยอดจองตู้ คอนเทนเนอร์จากจีนไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 150% ในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากมีการเร่งส่งออกอีกครั้ งหลังสหรัฐฯ กับจีนพักรบกันชั่วคราว ขณะเดียวกันในระยะถัดไป สหรัฐฯ ยังเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมเรื อที่สร้างในจีนและ/หรือเรือสั ญชาติจีนในเดือนตุลาคม 2568 เพิ่มเติมอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ผู้ส่งออกทางเรื ออาจเผชิญข้อจำกัดด้ านเวลาในการขนส่งให้ทันวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ก่อนที่ทรัมป์อาจกลับมาขึ้นภาษี กับไทยที่ 36% ทำให้การส่งออกหลังจากนี้ อาจชะลอลงเพื่อรอความชั ดเจนในการเจรจาก่อน
มิติที่ 3 : ราคาส่งออกถูกกดดันจาก Demand ที่ไม่สดใสและ Supply ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น (ดัชนีด้านราคาอยู่ที่ 99.8 ต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส)
ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่อเนื่ องจนอยู่ต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเป็นครั้ งแรกในรอบเกือบ 4 ปี จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้ มชะลอลง และการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ ม OPEC ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรโลกก็มี แนวโน้มลดลงตั้งแต่ต้นปี 2568 จากอุปทานในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนหลายประเทศผู้ส่งออกสินค้ าเกษตรสำคัญโดยเฉพาะอินเดียกลั บมาส่งออกข้าวอีกครั้งตั้งแต่ ปลายปี 2567 กดดันให้ราคาข้ าวในตลาดโลกลดลงอย่างมาก ปัจจัยข้างต้นมีส่วนทำให้ดัชนี ราคาส่งออกของไทยเดือนมีนาคม 2568 ขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลั งงานสหรัฐฯ (EIA) และธนาคารโลกคาดว่า ราคาน้ำมันและราคาสินค้ าเกษตรโลกปี 2568 มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนราว 20% และ 4% ตามลำดับ สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะทำให้ต้นทุ นการผลิตและต้นทุนขนส่งของผู้ ประกอบการบางส่วนลดลง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ส่งผลกดดั นให้มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร (สัดส่วนราว 10% ของส่งออกรวม) และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกั บราคาน้ำมัน (สัดส่วนราว 10% ของส่งออกรวม) ปรับลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มิติที่ 4 : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั่ วโลกยังเปราะบาง สะท้อนทิศทางการค้าโลกมีแนวโน้ มซบเซา (ดัชนีด้านความเชื่อมั่นอยู่ที่ 100.1 ต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริ โภคของหลายประเทศทั่วโลกปรั บลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568 ทั้งจีน ยุโรป และญี่ปุ่น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่แม้จะเร่งขึ้นระยะสั้นแต่ยั งอยู่ในเกณฑ์แย่ลง (ต่ำกว่า 100) โดยผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ ยวกับภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัว+เงินเฟ้อสูง) จากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษี ของทรัมป์ สะท้อนทิศทางการค้าโลกในระยะข้ างหน้าที่มีแนวโน้มชะลอลง
แม้ล่าสุดตัวเลขการส่ งออกของไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 จะขยายตัวได้ 14% จากการเร่งนำเข้าของสหรัฐฯ ก่อนการปรับขึ้นภาษีแบบตอบโต้ ของทรัมป์ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการส่ งออกไทยช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 จะเผชิญความท้าทายมากขึ้นและถื อเป็นห้วงเวลา Turning Point สำคัญ สอดคล้องกับทิศทางของ EXIM Index ที่ลดลงจากทั้ง 4 มิติที่กล่าวข้างต้น โดยเฉพาะหากหลัง 90 วันของการเลื่อนการขึ้นภาษีสิ นค้าจากไทยสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ไทยยังเจรจาไม่สำเร็จ ส่งผลให้ภาษีกลับมาอยู่ในระดั บสูงสุดที่ 36% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศ รวมถึงจีนที่ถูกเก็บภาษีในอัตรา 30% จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้ส่ งออกไทยเสียเปรียบคู่แข่งเพิ่ มเติม กดดันคาดการณ์ส่งออกในครึ่งปี หลัง และทำให้ทั้งปีขยายตัวเหลือ 0.5-1.5%
ท่ามกลางความไม่แน่ นอนของมาตรการภาษีทรัมป์ที่สร้ างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรี ยมตัวรับมือประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1) เข้าถึงคู่ค้าของตนเอง ด้ วยการติดต่อประสานงานกับคู่ค้ าอย่างใกล้ชิดเพื่อยืนยันการรั บสินค้าและตกลงเกี่ยวกับค่าใช้ จ่ายด้านภาษี 2) เข้าถึงเครื่องมือป้องกั นความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ ยนและการประกันการส่งออก 3) เข้าสู่ตลาดใหม่ ด้ วยการแสวงหาตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อกระจายความเสี่ ยง และ 4) เข้าใจและติดตามข้อมูลข่ าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาใช้ ประเมินผลกระทบและปรับกลยุทธ์ ให้ได้อย่างทันท่วงที
ปัจจุบัน EXIM BANK ได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ ประกอบการไทยที่ได้รั บผลกระทบจากสงครามการค้าอย่ างครบวงจร ตั้งแต่การเปิด Export Clinic ให้คำปรึกษาแนวทางในการปรับตัว มาตรการช่วยเหลือทางการเงินทั้ งการยืดหนี้ เสริมสภาพคล่อง และกระจายตลาดใหม่ ๆ ตลอดจนบริการเครื่องมือป้องกั นความเสี่ยงรอบด้าน เพื่อช่วยให้ผู้ ประกอบการไทยสามารถฝ่าฟั นสงครามการค้าครั้งนี้ และกลับมาเติบโตอย่างมั่ นคงและยั่งยืนต่อไป
05 มิถุนายน 2568
ผู้ชม 58 ครั้ง