ส่งออก เม.ย. 2025 ยังดี แต่สัญญาณชะลอตัวจากสงครามการค้าเริ่มชัดขึ้น

หมวดหมู่: TRADE & TRAVEL

ส่งออก เม.ย. 2025 ยังดี แต่สัญญาณชะลอตัวจากสงครามการค้าเริ่มชัดขึ้น

 

มูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือน เม.. 2025 โต 10.2%YOY อยู่ที่ 25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่า
ที่ประเมินไว้ (
SCB EIC ประเมิน 5.3% และค่ากลาง Reuter Poll 10%) ส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวดีต่อเนื่องจาก 15.2%ในไตรมาส 1 ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าส่งออกไทยช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 14% ทั้งนี้หากพิจารณาการส่งออกปรับฤดูกาลพบว่าหดตัว -1.9%MOM_SA สะท้อนการชะลอตัวลงมากจากเดือนก่อนหน้า (รูปที่ 1 และ 2)

 

SCB EIC ประเมินส่งออกไทยเดือนนี้ยังได้อานิสงส์จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ แม้สหรัฐฯ เริ่มเก็บ Universal tariff 10% ขั้นต่ำเกือบทุกประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 9 เม.. และเก็บภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า (Specific tariff) 25% แล้ว ได้แก่ ยานยนต์ เหล็กและอะลูมิเนียม แต่สำหรับภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) ที่จะเก็บเพิ่มจากอัตราขั้นต่ำ 10% นี้ สหรัฐฯ เลื่อนไป 90 วันเป็นวันที่ 9 .. และยังไม่เริ่มเก็บ Specific tariff สินค้าเกษตรและสินค้าเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม จึงยังเห็นการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนชุดกำแพงภาษีทั้งหมดจะเริ่มมีผลจริง

 

การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ในเดือนนี้จึงยังขยายตัวได้มากถึง 23.8%YOY ต่อเนื่องจาก 34.3% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวถึง 29.9% ขณะที่การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบไปสหรัฐฯ เริ่มหดตัวในเดือนนี้ที่ -3.8% (รูปที่ 3 ซ้าย) สำหรับการส่งออกเหล็กฯ แม้ยังขยายตัวได้ 13.8% แต่มีความเสี่ยงที่จะส่งออกได้ลดลงในระยะข้างหน้า ทั้งนี้การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ของไทยไปสหรัฐฯ มีสัดส่วน 38.3% ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ทั้งหมด ขณะที่การส่งออกสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้ากลุ่มเหล็กฯ มีสัดส่วนแค่ 3.4%
และ 2.2% ตามลำดับ นอกจากนี้ การส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ขยายตัวดีในเดือนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกอาวุธ กระสุน และส่วนประกอบที่สูงมากผิดปกติ 1,925,055.6% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยชั่วคราวไม่ได้สะท้อนภาพการส่งออกไทยที่แท้จริง

 

แนวโน้มการเร่งส่งออกส่งออกไปสหรัฐฯ ของไทยคล้ายประเทศอื่น โดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ ของญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม และไต้หวันก็ขยายตัวดีมากเช่นกัน ขณะที่การส่งออกเหล็ก ยานยนต์ และส่วนประกอบของยานยนต์หดตัวสูงในเดือน เม.. (ข้อมูลเร็ว 20 วันแรกเดือน พ.. ของเกาหลีใต้ก็สะท้อนภาพนี้เช่นกัน) (รูปที่ 3 ซ้าย) สะท้อนว่า นโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ กระทบการส่งออกแต่ละประเทศแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างสินค้าส่งออก หากประเทศใดเน้นพึ่งพาสินค้าที่โดนตั้งกำแพงภาษีสูงแล้ว เช่น สินค้ากลุ่มยานยนต์และกลุ่มเหล็ก (25%) อาจเห็นส่งออกถูกกระทบแรง เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งพึ่งพาการส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯ สูงที่ 36.0% และ 33.5% ของการส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งหมด ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าที่ยังไม่ถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ การส่งออกจะยังขยายตัวดี เช่น ไต้หวัน และเวียดนาม ที่ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ สูงถึง 79% และ 50.4% ของมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งหมด ขณะที่สัดส่วนพึ่งพา
การส่งออกยานยนต์และเหล็กต่ำ

 

ทองคำยังเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกที่สำคัญในเดือนนี้ แต่แรงส่งประเด็นพิเศษทองคำที่เคยช่วยให้การส่งออกไทยโตดีในช่วงที่ผ่านมากลับลดลงมาก โดยการส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปยังคงขยายตัวสูงมากถึง 250.5% ต่อเนื่องจาก 269.5% ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลจากความต้องการทองคำในตลาดโลกเพื่อรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น รวมถึงปัจจัยราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมาก สำหรับแรงส่งประเด็นพิเศษจากการส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าฯ ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่าเกือบทั้งหมดเป็นการส่งออกทองคำผสมแพลทินัมในสัดส่วนน้อยไปตลาดอินเดียเพื่อประโยชน์ทางภาษีของผู้นำเข้าอินเดีย[1] ปัจจัยพิเศษนี้มีสัญญาณแผ่วลงชัดเจน มูลค่าส่งออกลดเหลือเพียง 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากสูงสุดในเดือน ก.. ที่ 1,269.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (รูปที่ 4)

 

ดุลการค้าหดตัวแรงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ตามการเร่งนำเข้าสินค้าทุนจากจีน

มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน เม.ย. อยู่ที่ 28,946.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.1% สูงกว่าที่ประเมินไว้
(SCB EIC ประเมิน 8.5% และค่ากลาง Reuter Poll 7.9%) เร่งขึ้นจาก 10.2% ในเดือนก่อน โดยมูลค่านำเข้าไทยเติบโตต่อเนื่องนาน 10 เดือนแล้ว ทั้งนี้การนำเข้า (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวสูง 14.5% ในเกือบทุกหมวด ได้แก่ สินค้าทุน สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (รวมทองคำ) อาวุธและยุทธปัจจัย สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเชื้อเพลิง ขยายตัว 27.5% (โดยเฉพาะนำเข้าจากจีนที่โตถึง 38.8%), 17.4%, 16.1%, 11.9% และ 1.7% ตามลำดับ มียานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งที่นำเข้าลดลง -0.6% โดยหดตัว 3 เดือนติดต่อกัน ดุลการค้าไทย (ระบบศุลกากร) ในเดือนนี้ขาดดุล -3,321.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนของปี 2025 ดุลการค้าขาดดุลสะสม -2,240.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ทั้งนี้ SCB EIC มีข้อสังเกตว่า ไทยนำเข้าจากจีนเร่งตัวขึ้นในเดือน เม.ย. อาจเป็นผลจากการเปลี่ยนเส้นทางการค้าของจีนเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐฯ มูลค่าการส่งออกและนำเข้าของจีนกับสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. หดตัวมาก -21.0% และ -13.8% ตามลำดับ (รูปที่ 3 ขวา) ผลจากการตั้งอัตราภาษีตอบโต้ระหว่างกันสูงเกิน 100% อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกจีนโดยรวมกลับยังขยายตัวดี 7.9% โดยจีนสามารถขยายการส่งออกไปภูมิภาคอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่ขยายตัวถึง 20.8% (ส่งออกมาไทยโต 27.9%)[2] ตัวเลขนี้สะท้อนภาพจีนระบายสินค้าส่งออกไปทั่วโลกด้วยความได้เปรียบด้านต้นทุนและขนาด กระทบความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทย นอกจากนี้ หากปัญหาสินค้าจีนระบายเข้าตลาดในประเทศมีส่วนที่บริษัทจีนนำเข้าเพื่อผลิตหรือประกอบ แล้วส่งออกผ่านไทยไปสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าสูง (ปัญหาสินค้าจีนสวมสิทธิ์) อาจส่งผลให้ไทยเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ติดตามประเด็นนี้ใกล้ชิด

 

[1] รัฐบาลอินเดียได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าทองคำ เงิน แพลทินัม อัญมณี และเครื่องประดับในช่วงปี 2022 – 2024 ทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายที่ผู้นำเข้าอินเดียหันมานำเข้าทองคำผสมแพลทินัมจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้ และไทยมากขึ้น ภายใต้เกณฑ์อัตราภาษีนำเข้า 0% ตาม Duty Free Tariff Preference (DFTP) Scheme by India for Least Developed Countries และความตกลงการค้าเสรี อาเซียน – อินเดีย ปัจจัยพิเศษนี้มีแนวโน้มสิ้นสุด เนื่องจากทางการอินเดียได้ทำการย้ายสินค้าโลหะผสมแพลตตินัมออกจากประเภทสินค้านำเข้าปลอดภาษีแล้วในต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

[2] ศุลกากรไทยบันทึกการนำเข้าจากจีนขยายตัว 38.8% ในเดือน เม.. และเป็นแหล่งที่มาของการขยายตัวของการนำเข้าในเดือนนี้ (CTG) มากถึง 9.9% จาก 16.2%

27 พฤษภาคม 2568

ผู้ชม 77 ครั้ง

Engine by shopup.com