กรมทางหลวงชนบท ชวนแอ่วเหนือ ยลวิถีชุมชนบ้านสะปัน จ.น่าน แวะ Check in “สะพานร่วมใจสามัคคี” ดื่มด่ำบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา พร้อมสัมผัสทะเลหมอกยามเช้าอันบริสุทธิ์
กรมทางหลวงชนบท ชวนแอ่วเหนือ ยลวิถีชุมชนบ้านสะปัน จ.น่าน แวะ Check in “สะพานร่วมใจสามัคคี” ดื่มด่ำบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา พร้อมสัมผัสทะเลหมอกยามเช้าอันบริสุทธิ์
กรมทางหลวงชนบท ชวนแอ่วเหนือ ยลวิถีชุมชนบ้านสะปัน จ.น่าน แวะ Check in “สะพานร่วมใจสามัคคี” ดื่มด่ำบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา พร้อมสัมผัสทะเลหมอกยามเช้าอันบริสุทธิ์
กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ชวนประชาชนขึ้นเหนือ ยลวิถีชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านสะปัน อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน แวะเช็กอินบน “สะพานร่วมใจสามัคคี” ท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม และม่านหมอกที่ปกคลุม พร้อมแวะพักโฮมสเตย์ เพื่อรอดื่มด่ำกับบรรยากาศของธรรมชาติยามเช้าอันบริสุทธิ์
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า “สะพานร่วมใจสามัคคี” เป็นสะพานของกรมทางหลวงชนบท ที่พาดผ่านจุดบรรจบของคลองข่า และลำน้ำว้า ลำน้ำสายสำคัญที่จะไหลไปบรรจบยังแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นสายน้ำที่ยาวที่สุดกว่าทุกสายก่อนไหลบรรจบเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยตั้งอยู่ในหมู่บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2562 เพื่อยกระดับการเดินทางที่สะดวกปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว เนื่องจากสะปัน กลายเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวต่างใฝ่ฝันที่จะมาเยือน เพราะด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เงียบสงบ บรรยากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ พร้อมมีโฮมสเตย์รองรับที่คงเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ความเป็นภาคเหนือได้อย่างลงตัว ซึ่งเหมาะแก่การหาสถานที่ฮีลใจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญสะพานร่วมใจสามัคคียังเชื่อมไปยังแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกสะปันที่แสนร่มรื่นเย็นสบาย อุทยานแห่งชาติขุนน่าน อันเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำว้า และวัดสะปัน สถานที่ประดิษฐานพระไชยมงคล รวมทั้งเป็นจุดกางเต็นท์ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของบ้านสะปันจากมุมสูงได้อีกด้วย
สำหรับการเดินทาง เมื่อออกจากตัวอำเภอเมืองน่าน มุ่งหน้าไปยังอำเภอบ่อเกลือ โดยใช้ ทล.1169 และ ทล.1081 ประมาณ 87 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณสามแยกเข้าสู่บ้านสะปัน ประมาณ 2.5 กิโลเมตร
ตามป้ายแนะนำเส้นทาง จนถึงสะพานร่วมใจสามัคคี ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแวะเช็กอินบน “สะพานร่วมใจสามัคคี” ซึ่งจะได้ภาพที่มีสายน้ำ ท้องนา และหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวเป็นพื้นหลัง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว และฤดูฝน นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถปั่นจักรยานท่องเที่ยวไปตามสายทาง เพื่อเยี่ยมชมบ้านเรือน วิถีชีวิต พร้อมลิ้มรสอาหารพื้นถิ่น ผักผลไม้เมืองหนาว รวมทั้งชมวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาอันชุ่มฉ่ำได้อีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม
หากประชาชนต้องการสอบถามเส้นทาง หรือข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่แขวงทางหลวงชนบทน่าน เบอร์โทรศัพท์ 0 5471 6177 หรือสายด่วน กรมทางหลวงชนบท โทร. 1146
20 ธันวาคม 2567
ผู้ชม 268 ครั้ง